เพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อน วิธีดับกระหายที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นการดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ สักแก้ว และตัวช่วยที่ทำให้เครื่องดื่มเย็นฉ่ำสะใจคงเป็นอะไรไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่
“น้ำแข็ง”
ว่าแต่… เห็นหน้าตาใสๆ เย็นๆ ดูไม่มีพิษไม่มีภัยเยี่ยงนี้ ของบอกว่ามีอันตรายแฝงอยู่อย่างไม่น่าเชื่อเชียวล่ะ
ความที่น้ำแข็งนั้นมาจากหลายแหล่งผลิต ทั้งยังผ่านกระบวนการหลายอย่างกว่าเราจะได้รับประทาน (อาจจะปนเปื้อนจากตัวน้ำแข็งเอง หรือจากภาชนะที่ใส่น้ำแข็ง ฯลฯ) เราจึงไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่าเราจะได้รับอันตรายจากสารปนเปื้อนในน้ำแข็งที่เราบริโภคมากน้อยแค่ไหน ซึ่งอันตรายจากน้ำแข็งที่ว่านี้ ได้แก่
- ความเป็นกรด-ด่าง ที่สูงหรือต่ำกว่ามาตรฐานกำหนด มักมีสาเหตุจากคุณภาพน้ำดิบหรือกรรมวิธีการผลิตไม่มีประสิทธิภาพ
- เชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรีย น้ำแข็งที่ตรวจพบโคลิฟอร์มแบคทีเรียอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรคอาหารเป็นพิษซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีอาการท้องร่วง ท้องเสีย อาเจียน เป็นไข้ ปวดศีรษะ หรืออาจเสียชีวิตได้
- เชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคอาหารเป็นพิษชนิดสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส ซึ่งอันตรายของมันคือทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน เป็นตะคริวในช่องท้องและอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เป็นตะคริวที่กล้ามเนื้อ และมีการเปลี่ยนแปลงความดันโลหิตเป็นระยะๆ
- เชื้ออีโคไล โดยแบคทีเรียอีโคไลสามารถก่อให้เกิดความผิดปกติกับร่างกายของคนได้หลายอย่าง เช่น ท้องร่วง, กระเพาะปัสสาวะอักเสบ, เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- เชื้อซาลโมเนลล่า โดยแบคทีเรียชนิดนี้สามารถนำไปสู่อาการเจ็บป่วยได้ อาทิ ปวดศีรษะ อาเจียน ไม่สบาย ปวดท้อง มีไข้สูง ท้องร่วง
สำหรับผู้บริโภค หากอยากทานน้ำแข็งที่สะอาดปลอดภัย จึงควรใส่ใจกับแหล่งที่มา และพยายามสังเกตน้ำแข็งจากร้านที่เราทานว่า สะอาดเพียงพอหรือไม่ โดยเช็คตั้งแต่ภาชนะบรรจุภัณฑ์ไปจนถึงฉลากซึ่งต้องระบุเลข อย. ชื่อและที่อยู่ผู้ผลิตให้ชัดเจน
นอกจากนี้กรณีไปซื้อเครื่องดื่มหรือทานอาหารตามร้านที่ไม่ได้ใช้น้ำแข็งที่ผลิตจากเครื่องอัตโนมัติ ก็ควรสังเกตภาชนะที่ใส่น้ำแข็งว่ามีความสะอาดและสุขลักษณะที่ดีเพียงใด ไม่อย่างนั้นแล้ว เราอาจได้รับสารปนเปื้อนและเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งนำไปสู่การเจ็บป่วยได้
