“มะเร็ง” เป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนจากทั่วโลกทุกวัน และมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกปี
แม้นวัตกรรมทางการแพทย์จะเจริญก้าวหน้าไปมาก แต่ก็ยังไม่มียาที่รักษาโรคมะเร็งอย่างได้ผลกับทุกคน ไม่แปลกที่ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยจะหันไปพึ่งแพทย์ทางเลือก โดยไม่ได้คิดถึงความเสี่ยงที่อาจทำให้อาการของโรคยิ่งรุนแรงขึ้นได้!
เมื่อไม่นานนี้ได้มีการแชร์ข้อมูลในโซเชียลมีเดีย ระบุว่า มีญาติเป็นมะเร็งปากมดลูกแล้วไปใช้สมุนไพรรักษามะเร็งชื่อดัง แล้วพบว่าญาติมีเลือด และลิ่มเลือดออกที่ช่องคลอดจำนวนมาก และมีกลิ่นเหม็นมาก ซึ่งต่อมามีผู้มาแสดงความเห็นว่าขอให้อดทนเพราะสมุนไพรกำลังเข้าไปขับของเสียออกจากร่างกาย
พญ.ชัญวลี ศรีสุโข สูตินรีแพทย์ประจำ รพ.พิจิตร กล่าวว่า
โรคมะเร็งปากมดลูกเป็น 1 ใน 2 ชนิดโรคมะเร็งในสตรี ซึ่งสามารถตรวจเจอได้ตั้งแต่ช่วงที่เซลล์มีความผิดปกติเป็น 10 ปี หากมาตรวจภายในทุกๆ 3 ปี จะเจอแล้วสามารถรักษาให้หายได้ก่อนจะกลายเป็นโรคจริง แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาพอโรคลุกลามแล้วโอกาสในการรักษาให้หายจะลดลงเรื่อยๆ
กรณีที่อยู่ระหว่างรักษาแล้วมีเลือด หรือลิ่มเลือดออกนั่นหมายความว่าโรคมีความรุนแรงขึ้น ไม่ใช่เป็นการขับของเสีย หรือขับโรคออกจากร่างกาย ยิ่งเลือดออกมายิ่งหมายความว่าไม่ปกติ การเสียเลือดมากก็ทำให้เสียชีวิตจากการเสียเลือดมากอีกด้วย มีผู้ป่วยจำนวนมากที่เสียชีวิตหลังจากไม่รักษาแล้วไปกินสมุนไพรต่างๆ แล้วเชื่อว่าเป็นการขับของเสียออกจากร่างกาย แท้จริงแล้วการที่เลือดออกนั้นจะสัมพันธ์กับความรุนแรงของโรคที่เพิ่มขึ้น
โรคมะเร็งปัจจุบันในระยะต้นๆ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และงานวิจัยที่เป็นวิทยาศาสตร์ทั่วโลกยืนยันว่าการรักษาแพทย์แผนปัจจุบันมีโอกาสหายมากที่สุด ดังนั้นเมื่อไรที่เป็นมะเร็งในระยะต้นๆ แล้วปฏิเสธการรักษาแผนปัจจุบันจะทำให้ลดโอกาสหายและเพิ่มโอกาสเสียชีวิตมากขึ้น
ดังนั้น ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษาโรคควรอิงหลักความเป็นจริงก่อน เพราะโอกาสหายจากโรคมะเร็งขึ้นอยู่กับระยะเวลา ซึ่งให้โอกาสผู้ป่วยเพียงครั้งเดียวในการตัดสินใจว่าจะเดินไปซ้ายหรือขวา ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ให้ใช้แพทย์ทางเลือกร่วมด้วย แต่คนไข้ไม่ควรปฏิเสธการแพทย์แผนปัจจุบัน ในกรณีที่ยังรักษาได้
สิ่งสำคัญในการรักษาโรคมะเร็ง คือ ระยะของโรค คือยิ่งรีบรักษาในระยะต้นก็ยิ่งมีโอกาสหาย ฉะนั้นควรหมั่นตรวจสุขภาพประจำปีรวมถึงสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ด้วยตนเองค่ะ