รู้ว่าอ้วนแต่เพราะความอร่อยล้ำของขนมไทย ทำให้หลายคนยอมใจโดยหนึ่งในวัตถุดิบที่ทำให้เมนูขนมหวานแบบไทยๆ กลมกล่อมหวานหอมเป็นเอกลักษณ์ คือ “น้ำตาลมะพร้าว”
ความที่น้ำตาลชนิดนี้สามารถผลิตเองได้โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องจักรกล การควบคุมคุณภาพอาจทำได้ไม่ทั่วถึง จึงนำไปสู่การตรวจพบ “สารฟองขาว” ปะปนอยู่ในน้ำตาลมะพร้าว
น้ำตาลมะพร้าวทำจากน้ำตาลสดจากมะพร้าวตาล รสชาติคล้ายน้ำตาลทรายแดง แต่มีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าน้ำตาลมะพร้าวเป็นผลิตภัณฑ์ที่เสียง่ายเพราะมีเชื้อโรคอาศัยอยู่จากการล้างกระบอกไม่สะอาด น้ำตาลสดที่ขึ้นเก็บสาย อากาศร้อน ทำให้เกิดฟอง น้ำตาลเสีย มีกลิ่น รวมถึงมีผิวสีคล้ำ
จึงเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มเสี่ยงที่จะมีการใส่สารฟอกขาว หรือสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ลงไป เพื่อให้สีสวยและยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
ที่มาภาพ : น้ำตาลมะพร้าวแท้อัมพวา (ภาพตัวอย่าง “น้ำตาลมะพร้าว”)
เมื่อเร็วๆ นี้ นิตยสารฉลาดซื้อได้สุ่มตรวจสอบน้ำตาลมะพร้าว 21 ยี่ห้อ พบว่า ร้อยละ 81 หรือประมาณ 17 ตัวอย่างไม่พบสารฟอกขาวเลย ส่วนอีก4 ยี่ห้อมีสารฟอกขาว โดย2 ยี่ห้อมีสารฟอกขาวเกินมาตรฐาน คือ 40 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัม (น้ำตาลมะพร้าวยังไม่มีการกำหนดปริมาณสารฟอกขาวไว้ชัดเจน จึงใช้มาตรฐานที่กำหนดในน้ำตาลทราย คือ อิงตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 281 พ.ศ. 2547กำหนดให้ตรวจพบซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้ไม่เกิน 40 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัม)
การรับประทานสารฟอกขาวมากๆ จะมีอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้เกิดอาการอักเสบในอวัยวะที่สัมผัสอาหาร เช่น ปาก ลำคอ กระเพาะอาหาร ถ้าสะสมในร่างกายมากๆ จะทำให้หายใจติดขัด ปวดท้อง ท้องร่วง เวียนศีรษะ อาเจียน ในรายที่มีอาการแพ้รุนแรง หรือผู้ป่วยโรคหอบหืด อาจช็อก หมดสติ และเสียชีวิตได้
ดังนั้น แนะนำให้เพื่อนๆ เลือกซื้อน้ำตาลมะพร้าว ตามวิธีต่อไปนี้ดีกว่านะคะ…
- เลือกซื้อน้ำตาลมะพร้าวที่มี อย.และมีฉลากแสดงรายละเอียดของส่วนประกอบ วัตถุกันเสีย วันเดือนปีที่ผลิต ขนาดบรรจุ คำแนะนำในการเก็บรักษา และแหล่งผลิตพร้อมชื่อยี่ห้อสินค้าที่ชัดเจน
- ไม่เลือกซื้อน้ำตาลมะพร้าวที่มีสีขาวจนผิดธรรมชาติ
- หลีกเลี่ยงน้ำตาลมะพร้าวที่มีกลิ่นเหม็น ฉุน รสหวานแหลม เนื้อน้ำตาลแข็งมาก หรือเก็บไว้ได้นานเป็นเดือนที่อุณหภูมิห้องโดยสียังขาวนวล เพราะอาจเป็นน้ำตาลมะพร้าวที่ผสมสารฟอกขาวในปริมาณมาก
รู้แล้วนำไปปฏิบัติเพื่อสุขภาพและเป็นการลดความเสี่ยงค่ะ 🙂