แม้จะรู้ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่หลายคนก็เลือกที่จะจบปัญหาไขมันส่วนเกินด้วยการเข้ารับบริการดูดไขมัน ถ้าได้รับการบริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ดีไป เพราะบางรายกลับให้ผลตรงกันข้าม กลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด รูปลักษณ์พัง เสียทั้งสุขภาพ เสียทั้งเงิน
อีกหนึ่งอุทาหรณ์ที่ต้องระวัง จากกรณีหญิงสาวรายหนึ่งเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน หลังรับบริการดูดไขมันหน้าท้องที่คลินิกแห่งหนึ่งย่านสยามสแควร์ที่ให้บริการดูดไขมันด้วยเทคนิคบอดี้ไทท์ และเกิดบาดแผลไหม้ที่หน้าท้องจนเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่ จนต้องเสียเงินจำนวนมากเพื่อรักษาบาดแผล
ข้อควรรู้ก่อนคิดจะไปดูดไขมัน
- เทคนิคบอดี้ไทท์ (Body Tite) เป็นวิธีการดูดไขมันโดยใช้เครื่องมือส่งคลื่นวิทยุ ผ่านท่อขนาดเล็ก 1-3 มิลลิเมตร เข้าไปในชั้นไขมันเพื่อละลายไขมันให้เป็นน้ำและดูดออกจากร่างกาย
- การดูดไขมันเป็นการลดไขมันส่วนเกินเฉพาะส่วนและให้ผลชั่วคราว ไขมันมีสิทธิ์กลับมาพอกพูนได้อีก
- การดูดไขมันมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงจากยาสลบและยาชา ที่ใช้ตอนทำศัลยกรรมดูดไขมัน
- ผลจากการดูดไขมันอาจทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดรูปร่างนูนโค้งไม่เสมอกันและมีรอยย่น ดูไม่เป็นธรรมชาติ
- อย่าหลงเชื่อข้อมูลทางโซเชียลมีเดียเพียงด้านเดียว ก่อนเข้ารับบริการที่เกี่ยวกับความงามและสุขภาพ ควรนำชื่อคลินิก และแพทย์ที่ดำเนินการมาตรวจสอบว่าเป็นคลินิกที่มีมาตรฐานตามกฎหมาย มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องหรือไม่ส่วนแพทย์ที่ดำเนินการตรวจรักษา เป็นแพทย์จริงที่ขึ้นทะเบียนกับแพทยสภาหรือไม่รวมถึงเครื่องมือที่ใช้ดูดไขมันหรือเครื่องมืออื่นๆ รวมทั้งยา เวชภัณฑ์ที่ให้บริการมีคุณภาพมาตรฐานและขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือไม่
- วิธีการลดไขมันที่ได้ผลในระยะยาวนั้น ควรปรับพฤติกรรมการกิน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้ ในส่วนของผลไม้ควรหลีกเลี่ยงผลไม้รสหวานจัด และออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 ครั้ง เพื่อให้ได้ร่างกายที่สมส่วน และสุขภาพแข็งแรงไปในตัวด้วย
ลองชั่งน้ำหนักถึงข้อดีข้อเสียของการลดไขมันด้วยการดูดไขมัน กับการออกกำลังกายและปรับพฤติกรรมการรับประทานดู เชื่อว่าหากไตร่ตรองด้วยเหตุและผล คุณคงพบคำตอบได้ไม่ยาก…