คงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาทุกยุคทุกสมัยว่าควรให้ลูกน้อยวัยเบบี๋นอนท่าไหนจึงจะดี หัวจะได้กลมสวย หลับนาน ไม่สะดุ้งตื่นง่าย แต่ก็ต้องปลอดภัยหายห่วง ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะหน้าฟุบกับหมอนหายใจไม่ออก สำหรับแม่นุ่มแล้วคงไม่ตัดสินว่าท่าไหนดีกว่ากัน แต่จะรวบรวมทั้งข้อดีและข้อควรระวังมานำเสนอให้คุณแม่ได้ศึกษาไว้เป็นข้อมูลกันค่ะ
นอนคว่ำ
ข้อดี:
- ลูกหัวโหนกสวย ไม่แบน
- สะดุ้งผวาน้อย หลับนาน
- พัฒนาการกล้ามเนื้อคอดี ชันหัว ยกหัวได้เร็ว
ข้อควรระวัง:
- ต้องหมั่นเปลี่ยนด้านวางศีรษะลูกให้สม่ำเสมอเท่ากันทั้งสองด้าน หากวางข้างใดข้างหนึ่งบ่อยเกินไปก็อาจจะทำให้ศีรษะโหนก-แบนไม่เท่ากันได้
- สังเกตการหายใจของลูกได้ยาก ซึ่งอาจแก้ไขได้โดยการหมั่นตรวจดูลูกบ่อยๆ
- อาจเกิดโอกาสที่ลูกขยับศีรษะฟุบไปที่หมอนจนขาดอากาศหายใจได้
- เสี่ยงต่อโรคไหลตายในเด็ก (SIDS) เกิดจากการที่ทารกมีความผิดปกติทางการหายใจระหว่างการนอนหลับ มักเกิดกับทารกช่วงอายุ 2-4 เดือน โดยเฉพาะในแถบยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ซึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตโดยมากมักจะมีสาเหตุอื่นๆ ประกอบด้วยเช่น พ่อแม่สูบบุหรี่ ไม่ได้กินนมแม่ น้ำหนักแรกเกิดน้อย คลอดก่อนกำหนด ฯลฯ
นอนหงาย
ข้อดี:
- สามารถสังเกตใบหน้าและลักษณะทั่วไปของลูกได้อย่างชัดเจน
- สามารถสังเกตการหายใจของลูกได้สะดวก
- ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไหลตายในเด็ก (SIDS)
ข้อเสีย:
- ลูกอาจมีหัวแบน ไม่กลมสวย ( กุมารแพทย์บางท่านก็แย้งว่าจะเป็นเพียงช่วงสัปดาห์แรกๆ เท่านั้น เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและจะลดน้อยลงเมื่อลูกโตขึ้น )
- สะดุ้งผวาง่าย ตื่นบ่อย
- ขัดขวางพัฒนาการกล้ามเนื้อคอ การชันหัว ยกหัว แก้ไขได้โดยการจับลูกนอนคว่ำในขณะที่ลูกตื่นอยู่ เพื่อให้ลูกได้มีโอกาสฝึกยกกล้ามเนื้อคอ
สรุปได้ว่า ‘ท่านอนคว่ำ’ มีข้อดีหลายประการแต่ก็มีความเสี่ยง ในขณะที่ ‘ท่านอนหงาย’ มีความปลอดภัยแต่ก็ส่งผลกระทบทางลบมากมาย ทางที่ดีคุณแม่ควรพิจารณาตามสถานการณ์รวมไปถึงพฤติกรรมและธรรมชาติของลูกประกอบกันแล้วนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมจะดีที่สุดค่ะ