แม้งานจะสร้างรายได้และความสำเร็จให้ชีวิต แต่หากขาดสมดุลในการทำงานย่อมทำให้เกิดภาวะอ่อนล้าทางอารมณ์การเกิดอาการอ่อนเพลียอยู่บ่อยๆนั้น ส่อเค้าว่าคุณอาจเป็น Burnout Syndrome หรือ ภาวะอ่อนล้าทางอารมณ์นั่นเอง

มาดูกันสิว่าคุณเข้าข่ายหรือเปล่า?

เมื่อเริ่มต้น…

มีอาการอ่อนเพลียอยู่เป็นประจำ เป็นเรื้อรัง ไม่มีเรี่ยวแรง รู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติ รู้สึกล้าไปหมดทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะตื่นนอน โดยปราศจากสาเหตุหรืออาการเจ็บป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บ นี่แสดงว่าคุณเริ่มมีอาการอ่อนล้าทางอารมณ์แล้วล่ะ เพราะฉะนั้นลองเช็คดูสิว่าคุณกำลังอยู่ในอารมณ์ที่เหนื่อยล้าหรือเปล่า

ความผิดปกติที่ชัดเจน

มีอาการหลงลืม แม้ว่าคุณจะยังมีอายุไม่ถึง 50 ปี แต่เริ่มมีอาการหลงลืมเรื่องสำคัญต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง เช่น ลืมกุญแจรถ ลืมโทรศัพท์ หรือแม้แต่คิดจะไปซื้อของแต่พอไปถึงร้านดันกลับลืมว่าจะมาซื้ออะไร  นั่นแสดงให้เห็นว่าคุณผิดปกติแล้ว

มีอาการทางด้านร่างกาย เช่น รู้สึกเจ็บหน้าอก หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หายใจติดขัดหรือหายใจได้ไม่ทั่วท้อง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ โดยไม่ทราบสาเหตุ

อ่อนล้ารุนแรง

ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ หากคุณมีอาการในระยะเริ่มต้นและระยะกลางติดต่อกันเป็นเวลานานเกิน 1 เดือน ร่างกายจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง  เช่น มีอาการเป็นหวัดง่าย เมื่อเป็นแผลจะหายช้า

มีอารมณ์เชิงลบแสดงออกอย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นอาการซึมเศร้า เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย หรือเริ่มใช้สารเสพติด ไม่ว่าจะเป็นเหล้า บุหรี่ หรือยาเสพติดเป็นทางออก ซึ่งก็ถือเป็นภาวะอารมณ์ที่รุนแรงมาก

การจะลดภาวะอ่อนล้าทางอารมณ์นั้น อาจทำได้โดยการคิดวางแผนบริหารจัดการการทำงานและการใช้ชีวิตให้มีความดุลกันและคงไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปสำหรับการมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีชีวิตที่สมดุล มีความสุข นอกจากนี้อาจให้เวลาตัวเองได้พักผ่อนบ้าง ด้วยการไปเที่ยวเพื่อผ่อนคลายตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงไปสังสรรค์กับเพื่อน แต่ก็ต้องสังสรรค์อย่างพอเหมาะเพื่อไม่ให้เสียเงินไปอย่างเปล่าประโยชน์เช่นกัน