ใส่ใจก่อนกิน ลดเสี่ยง “อาหารเป็นพิษ”

0

“อาหารเป็นพิษ” ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทยที่เชื้อโรคสามารถเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี ดังนั้น จึงควรใส่ใจและเพิ่มความระมัดระวังในการรับประทานอาหารอยู่เสมอเพื่อป้องกันการเกิดภาวะอาหารเป็นพิษ

 

อาหารเป็นพิษเกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส สารพิษหรือสารเคมีที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหาร โดยผู้ที่ได้รับเชื้อส่วนใหญ่จะแสดงอาการภายใน 1 – 2 วัน หรือภายในไม่กี่ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับชนิด ประเภท ปริมาณของเชื้อโรค และสารพิษที่ได้รับ ซึ่งทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง มีอาการสูญเสียน้ำ เช่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ กระหายน้ำ เป็นต้น ซึ่งอาการส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและหายได้ภายใน 1 – 2 วัน

 

117

 

อาการอาหารเป็นพิษผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการที่ไม่รุนแรง และดีขึ้นด้วยการดูแลตนเองที่บ้าน โดยปฏิบัติตัว ดังนี้

  1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลร่างกายไม่ให้ขาดน้ำ ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ หรือจิบน้ำบ่อย ๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากการอาเจียนและท้องเสีย
  2. ดื่มน้ำผสมผงเกลือแร่ ที่มีเกลือและน้ำตาลกลูโคสเป็นส่วนประกอบหลัก เพื่อทดแทนน้ำและแร่ธาตุบางชนิดที่สูญเสียไป โดยจิบทีละน้อยตลอดวัน
  3. รับประทานอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม งดอาหารเผ็ดและย่อยยาก
  4. ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจทำให้ร่างกายเสียน้ำและเกลือแร่จนเป็นอันตรายได้
  5. รับประทานยาแก้ท้องเสีย โดยผู้ป่วยควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย

 

วิธีป้องกันตนเองจากภาวะ “อาหารเป็นพิษ” มีดังนี้

  1. เลือกรับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ และควรรับประทานอาหารเมื่อปรุงเสร็จทันที หรือสุกใหม่ ๆ
  2. หากรับประทานอาหารนอกบ้านควรเลือกร้านอาหารที่ไว้ใจได้ สะอาด ถูกหลักอนามัย ได้มาตรฐาน
  3. หลีกเลี่ยงอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ โดยเฉพาะ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ รวมถึงอาหารค้างคืน
  4. หากทำกับข้าวเองควรเลือกวัตถุดิบที่เป็นของสดใหม่ มีขบวนการผลิตที่ปลอดภัย โดยปรุงอาหารให้สุกอย่างทั่วถึง น้ำดื่ม และ น้ำใช้ต้องสะอาด โดยเฉพาะน้ำสำหรับปรุงอาหารต้องสะอาด
  5. หลีกเลี่ยงการปนเปื้อนระหว่างอาหารด้วยกัน เพื่อไม่ให้อาหารที่ปรุงสุกแล้ว ปนเปื้อนกับอาหารดิบ เช่น การใช้มีด เขียง ต้องแยกระหว่างอาหารดิบและอาหารสุก เป็นต้น
  6. เก็บอาหารที่ปรุงสุกแล้วอย่างระมัดระวัง ในกรณีที่จะนำมารับประทาน ต้องนำมาอุ่นให้ร้อนอย่างทั่วถึงก่อนรับประทานอีก สำหรับอาหารทารกต้องนำมารับประทานทันทีหลังปรุงสุก และไม่ควรเก็บไว้
  7. ล้างมือก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง อย่าใช้มือสัมผัสอาหารที่ปรุงสุกแล้วโดยตรง

 

ทั้งนี้ หากเกิดอาการรุนแรงขึ้น เช่น ท้องเสียมาก อาเจียนมาก มีเลือดปนในอาเจียนหรืออุจจาระ แขนขาอ่อนแรง หายใจลำบาก ตามัวมองเห็นไม่ชัด ปวดท้องอย่างรุนแรงร่วมกับมีไข้สูง ควรรีบพบแพทย์ทันที

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *