ลมหนาวมาพาผู้ป่วย “เบาหวาน-ความดัน-หัวใจ” อาการกำเริบ

0

ธรรมดาก็ต้องดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว สำหรับผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคไตวาย โรคเบาหวาน โรคหอบหืด โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น แต่ในช่วงฤดูหนาวนี้ขอบอกว่าต้องใส่ใจสุขภาพเป็นนพิเศษ เพราะกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะป่วย หรือเสียชีวิตสูงกว่าผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัว เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ

sunrise on misty  mountain with women and man

ข้อมูลจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พบว่า…

ในบ้านเรามีผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ประมาณ 6 ล้านคน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งอากาศหนาวจะเย็นกว่าที่อื่น

ซึ่งนอกจากความเย็นและความชื้นในอากาศที่ลดลงจะส่งผลกระทบทำให้ผิวหนังแห้ง แตกคันแล้ว ความหนาวเย็นมีผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงเร็วกว่าปกติ และทำให้เลือดมีความหนืด มีผลกระทบต่อระบบการไหลเวียนเลือด ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เพื่อสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย จึงอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น

Frappe matcha greentea at coffee shop near Phasonkaew Temple,Thailand.

โดยอุณหภูมิที่ลดลงทุก 1 องศาเซลเซียส จะเพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจเฉียบพลัน (Heart attack) ได้ถึงร้อยละ 2 สำหรับวิธีดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาวของผู้ป่วยโรคเรื้อรังมีดังนี้

  1. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  2. หมั่นตรวจเช็กค่าความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือดและควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
  3. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม เน้นอาหารรสไม่จัด หลีกเลี่ยงขนมหวาน อาหารไขมันสูง เพิ่มการรับประทานผักสดและผลไม้สดที่หวานน้อย เนื่องจากมีแร่ธาตุสูง มีวิตามินเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคช่วงหน้าหนาว หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา เพราะไม่สามารถแก้ความหนาวได้ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจทำให้โรคที่มีอยู่เดิมกำเริบขึ้นได้
  4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน (ผู้สูงอายุให้เดินเร็วหรือยืดเหยียดร่างกาย) ผลของการออกกำลังกาย จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด หัวใจมีความทนทาน
  5. ดูแลร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ สวมหมวกไหมพรม เสื้อกันหนาว ใส่ถุงมือถุงเท้า สวมรองเท้าที่ใส่สบาย ทาผิวด้วยโลชั่นที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์วันละหลายๆ ครั้ง รักษาความชุ่มชื้นผิวหนัง ให้หลีกเลี่ยงอยู่ในที่โล่ง ลมโกรก หรือสถานที่มีคนแออัด เนื่องจากอาจติดเชื้อไวรัสไข้หวัดจากคนอื่นได้ง่ายและหายช้ากว่าคนทั่วไป
  6. พักผ่อนให้เพียงพอ โดยสวมใส่ชุดนอนที่อบอุ่นและห่มผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *