ตาเหลือง-ตัวเหลือง…สัญญาณเตือน “มะเร็งตับและท่อน้ำดี”

0

“มะเร็งตับ” และ “มะเร็งท่อน้ำดีตับ” เป็นโรคที่พบได้บ่อยทั่วโลก ที่น่ากลัวคือผู้ป่วยโรคมะเร็งตับในระยะแรกมักไม่ค่อยมีอาการแสดง กว่าจะเข้ารับการรักษาตัวก็มักอยู่ในระยะท้ายของโรคแล้ว ดังนั้น การหมั่นสังเกตสัญญาณเตือนต่าง ๆ ของร่างกายจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

 

มะเร็งตับและท่อน้ำดีเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในคนไทย แต่ละปีมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 20,000 คน มะเร็งตับที่พบมากในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ มะเร็งของเซลล์ตับ และมะเร็งท่อน้ำดีตับ โดยมะเร็งตับเป็นโรคมะเร็งที่พบได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโรคมะเร็งที่เกิดในผู้ชายไทย ส่วนมะเร็งท่อน้ำดีตับนั้นก็พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงเช่นกัน

 

42

 

สำหรับสาเหตุของมะเร็งเซลล์ตับ นอกจากเกิดจากการดื่มเหล้าแล้ว ยังมีสาเหตุอื่น ๆ โดยที่พบบ่อยในบ้านเราคือการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรังชนิดบีและซี เป็นผลทำให้เซลล์ตับถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง มีไขมันสะสมในตับมากขึ้นและเกิดผังผืดขึ้นแทนที่เซลล์ตับปกติ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ สารพิษอะฟลาท็อกซินซึ่งปนเปื้อนอยู่ในเมล็ดพืช เช่น ถั่วลิสง ข้าวโพด พริกแห้ง, โรคทางพันธุกรรมและเมตาบอลิกต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน ทำให้เกิดไขมันเกาะตับและเป็นตับแข็ง, การได้รับยาหรือสารเคมีบางชนิด เช่น ได้รับฮอร์โมนเพศชายเป็นเวลานาน

 

ส่วนมะเร็งท่อน้ำดีตับ เป็นมะเร็งที่เกิดจากเซลล์เยื่อบุผิวภายในท่อน้ำดีเจริญเติบโตอย่างผิดปกติ จนไปกดเบียดหรือลุกลามอวัยวะข้างเคียงซึ่ง ประกอบด้วยตับ ตับอ่อน หรือลำไส้เล็กส่วนต้น พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับจากการกินปลาน้ำจืดดิบ การรับประทานอาหารที่มีดินประสิว และไนไตรท์ เช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม แหนมไส้กรอกเป็นประจำ รวมถึงการมีภาวะท่อน้ำดีอักเสบเรื้อรัง

 

ผู้ป่วยแต่ละรายอาจอาจมีอาการแสดงของโรคแตกต่างกันและมักไม่มีอาการในระยะแรก โดยอาการส่วนใหญ่ที่พบ คือ แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อเป็นประจำ อ่อนเพลีย มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ น้ำหนักลด ปวดหรือเสียดชายโครงขวา ปวดท้องโดยเฉพาะบริเวณข้างขวาส่วนบน ในบางรายอาจมีอาการปวดร้าวไปที่หลังหรือไหล่ อาจคลำพบก้อนในช่องท้อง ตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต และมีอาการบวมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย

 

การป้องกันโรคทำได้โดยการให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิด, ไม่รับประทานปลาน้ำจืดแบบดิบๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคพยาธิใบไม้ตับ, ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เป็นโรคตับแข็งและกลายเป็นมะเร็งตับได้, รับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ, หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารที่อาจปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน อาหารที่มีสารไนโตรซามีน และอาหารหมักดอง เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นพาหะหรือสงสัยว่าเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดและตรวจหามะเร็งตับระยะแรกทุก ๆ 6 เดือน

 

ทั้งนี้ การรักษามะเร็งตับจะขึ้นกับสภาวะความรุนแรงของโรค ขนาดและลักษณะของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรคและการแพร่กระจายของมะเร็ง รวมถึงสุขภาพของผู้ป่วย โดยแพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ป่วย

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *