เมื่อกล่าวถึง “ภาวะหัวใจล้มเหลว” เชื่อว่าหลายคนมองว่าเป็นโรคของผู้สูงอายุ เนื่องจากสาเหตุหลัก ๆ ของภาวะนี้ที่พบมากคือ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งมักเกิดในผู้สูงอายุ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่อยู่ในวัยรุ่นวัยเจริญพันธุ์สามารถมีภาวะหัวใจล้มเหลวได้ หรือแม้กระทั่งนักกีฬาก็สามารถพบเจอภาวะนี้ได้เช่นกัน
“ภาวะหัวใจล้มเหลว” เป็นภาวะความผิดปกติของการทำงานของหัวใจ ที่ไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื้อ และอวัยวะต่าง ๆ ของร่ายกายได้อย่างเพียงพอ รวมถึงไม่สามารถรับเลือดกลับเข้าสู่หัวใจได้ตามปกติ ในปัจจุบันพบว่า ภาวะหัวใจล้มเหลวไม่ได้เกิดเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่คนที่อายุยังน้อย ร่างกายแข็งแรง ก็สามารถเกิดภาวะนี้ได้ เนื่องจากมีพฤติกรรมเสี่ยง อาทิ อ้วน สูบบุหรี่เป็นประจำ รับประทานอาหารรสเค็มจัด ขาดการออกกำลังกาย และพักผ่อนไม่เพียงพอ
อาการของผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว ได้แก่ หอบเหนื่อย ในขณะที่ออกแรงหรือหายใจไม่สะดวกขณะที่นอนราบ รู้สึกอ่อนเพลียทำให้ความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันและการออกกำลังกายลดลง มีอาการบวมน้ำ บวมกดบุ๋มที่เท้าและขา และน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากไตทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะคั่งน้ำและเกลือ
ภาวะหัวใจล้มเหลวเป็นกลุ่มอาการ ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบและกล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวอ่อนแรงจากการขาดเลือด กล้ามหัวใจอักเสบ โรคลิ้นหัวใจตีบหรือลิ้นหัวใจรั่ว ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง และการใช้สารเสพติด เป็นต้น เป้าหมายสำคัญในการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลว เพื่อป้องกันและชะลอการเสื่อมของการทำงานหัวใจ ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและลดอัตราการเสียชีวิต
การดูแลสุขภาพในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวสามารถทำได้ ดังนี้
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งให้ครบถ้วน
- ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม ของหมักดองเพื่อจำกัดปริมาณโซเดียม
- ควบคุมปริมาณน้ำดื่มตามแผนการรักษา
- สังเกตอาการบวมน้ำ
- ชั่งน้ำหนักก่อนทานอาหารเช้าทุกวัน หรือภายหลังเข้าห้องน้ำขับถ่ายแล้วในช่วงเช้า
- หลีกเลี่ยงความเครียด
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- งดการสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติด
- ออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ
- สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ หากเดินขึ้นบันได 8-10 ขั้นแล้วไม่มีอาการหอบเหนื่อย
- ควรได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปีในกรณีที่ไม่มีข้อห้าม
ที่สำคัญผู้ป่วยควรมาพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอเนื่องจากต้องมีการปรับยาให้เป็นไปตามแผนการรักษา รวมถึงดูแลตัวเองและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค