ทำความเข้าใจ “ไบโพล่าร์” โรคที่ผู้ป่วยอาจฆ่าตัวตายได้!!

0

หลายคนรู้จักโรคนี้จากภาพยนตร์เรื่องดัง Silver Linings Playbook ที่นำแสดงโดยขวัญใจชาวอเมริกันอย่าง “เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์” ดูในหนังออกจะเพลิดเพลิน แต่ใครจะรู้ล่ะว่า “โรคไบโพลาร์” เป็นอะไรที่ใกล้ตัวกว่าที่คุณคิดมีประชากรโลกป่วยเป็นโรคไบโพลาร์กว่า 27 ล้านคน ประเทศไทยก็มีผู้ป่วยเป็นโรคนี้กว่า 1 ล้านคน

โรคไบโพลาร์ (Bipolar disorder) หรือ โรคอารมณ์สองขั้วคือ โรคที่มีความผิดปกติของอารมณ์เป็น 2 ขั้ว มีทั้งช่วงที่อารมณ์ดีหรือก้าวร้าวผิดปกติ (mania) และบางช่วงที่อารมณ์ซึมเศร้าผิดปกติ (depressed) ฉะนั้นเดิมจึงเรียกโรคนี้ว่า manic-depressive disorder แต่บางคนมีอารมณ์ดีหรือก้าวร้าวผิดปกติอย่างเดียว โดยไม่มีอารมณ์ซึมเศร้าก็ได้

โรคไบโพล่าร์นั้นมักเริ่มเป็นก่อนวัยกลางคน บางรายเริ่มเป็นตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี แต่ก็มีบางรายที่มาเริ่มเป็นหลังอายุ 40 ปีได้ โรคไบโพล่าร์เป็นโรคที่มีปัจจัยทางพันธุกรรมมาเกี่ยวข้องค่อนข้างมากลูกหลานของผู้ที่ป่วยเป็นโรคไบโพล่าร์มีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคไบโพล่าร์ได้มากกว่าคนทั่วไป

ทำความเข้าใจ “ไบโพล่าร์” โรคที่ผู้ป่วยอาจฆ่าตัวตายได้!! (1)

ความหมายของไบโพลาร์ไม่จำเป็นต้องสลับกับช่วงซึมเศร้า บางคนเป็นโรคนี้อยู่ช่วงหนึ่งอาจจะ ประมาณ 4-6 เดือนอาจจะสามารถกลับคืนเป็นปกติได้เองโดยไม่ต้องรักษา ทำให้คนรอบข้างไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา ถ้าไม่สังเกตอย่างใกล้ชิด เมื่อปกติแล้วเขาจะดำเนินชีวิตได้ปกติ พอถึงช่วงหนึ่ง จะรื่นเริงอีก หรืออาจจะสลับไปขั้วตรงข้าม เป็นแบบซึมเศร้า อาการก็จะเริ่มตั้งแต่แยกตัว เบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไร กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เบื่อๆเข้าก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ที่สำคัญที่สุดคือการฆ่าตัวตาย

โรคนี้ช่วงซึมเศร้าจะเหมือนกับโรคซึมเศร้า อัตราการฆ่าตัวตายคือ 15-20% เพราะฉะนั้นหนึ่งในห้ามีโอกาสที่จะเกิดปัญหาเบื่อเศร้าและฆ่าตัวตาย ช่วงที่รื่นเริงมากๆ ก็จะมีประเด็นการฆ่าตัวตายได้ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เฉพาะแค่ตอนซึมเศร้า

ทำความเข้าใจ “ไบโพล่าร์” โรคที่ผู้ป่วยอาจฆ่าตัวตายได้!! (3)

จากการวิจัยพบว่าผู้ป่วยจะเริ่มเกิดอาการของโรคนี้ในช่วงวัยรุ่น แต่อาการจะไม่ปรากฏชัด คนรอบข้างไม่สามารถสังเกตได้ อาจเริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง เช่น เที่ยวกลางคืน อยากไปเตร็ดเตร่ ไม่มีสมาธิในการเรียนทำให้ผลการเรียนตกลง อาจจะมีปัญหาเรื่องของพฤติกรรมที่สร้างปัญหา เช่น ทะเลาะกับเพื่อนฝูง ถ้าพ่อแม่ไม่ได้ใกล้ชิด เห็นแค่ปรับเปลี่ยนไปนิดหน่อย เหมือนกับไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย

โรคไบโพลาร์สามารถรักษาให้หายได้ แต่ต้องได้รับกำลังใจและการรักษาที่ต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้นกลับมาเป็นซ้ำอีก ฉะนั้นหมั่นสังเกตตัวเองและคนใกล้ชิด หากสงสัยว่าป่วยให้รีบไปพบแพทย์ก่อนจะมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นฆ่าตัวตาย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *