“ไส้ติ่งอักเสบ” (Appendicitis)
อาการบวมและติดเชื้อของไส้ติ่ง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่ง ด่วน เพราะถ้าหากทิ้งไว้นาน ไส้ติ่งที่อักเสบมักแตกกระจายเชื้อโรคสู่ช่องท้อง และอาจเป็นสาเหตุรุนแรงจนติดเชื้อในกระแสเลือดได้
ไส้ติ่งอักเสบเป็นอาการที่ทุกคนต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะสามารถเกิดได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกอายุ หรือแม้กระทั่งในหญิงตั้งครรภ์
ไส้ติ่งมีรูปร่างเหมือนถุงยาวๆขนาดเท่านิ้วก้อยยาวประมาณ2-10 เซนติเมตรยื่นออกมาจากลำไส้ใหญ่ ตำแหน่งอยู่ที่ท้องน้อยด้านขวาผนังด้านในของไส้ติ่งมีเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลืองกระจายอยู่ ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อเกิดการอักเสบได้ง่าย ซึ่งเนื้อเยื่อนี้มีการเพิ่มปริมาณมากช่วงวัยรุ่น ไส้ติ่งอักเสบจึงพบได้บ่อยในวัยรุ่น
สำหรับสาเหตุของไส้ติ่งอักเสบนั้น เกิดจากการอุดตันในรูของไส้ติ่ง จากเศษอุจจาระที่แข็งตัว หรือสิ่งแปลกปลอม เช่น พยาธิ ก้อนเนื้องอกทำให้ไส้ติ่งเกิดการอุดตัน และติดเชื้อ จนกลายเป็นไส้ติ่งอักเสบได้
อาการไส้ติ่งอักเสบมักเริ่มด้วยอาการปวดท้องโดยที่ไม่ทราบว่าปวดตรงไหนแน่นอน แล้วจึงค่อยๆ ปวดตรงบริเวณสะดือ และจะเคลื่อนลงไปที่ช่องท้องส่วนล่าง ตามด้วยอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ ท้องอืดบางรายอาจท้องผูกหรือท้องเสียลงท้ายด้วยการปวดมากจนบางรายต้องนอนนิ่งอยู่กับที่ เพราะอาการปวดลุกลามทรมานมากขึ้นเรื่อยๆหากรักษาช้าอาจจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้แก่ ไส้ติ่งแตก ฝีที่ไส้ติ่ง โลหิตเป็นพิษ ช่องท้องอักเสบ
หลายคนมักเข้าใจว่าการปวดท้องน้อยด้านขวานั้นเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบ แท้จริงแล้วหากมีอาการดังกล่าวอาจเป็นได้ทั้ง ไส้ติ่งอักเสบ ลำไส้อักเสบ ท้องเสีย ท้องผูก นิ่วในท่อไต การติดเชื้อของปีกมดลูก กล้ามเนื้ออักเสบ ฯลฯ
ทางที่ดีหากมีอาการปวดท้อง ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาให้ถูกต้องทั้งนี้หากสงสัยว่ามีอาการไส้ติ่งอักเสบต้องรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อเข้ารับการผ่าตัด (โอกาสที่การอุดตันที่ไส้ติ่งจะหลุดออกไปได้เองนั้นพบได้น้อยมาก)ไม่ควรกินยาระบายหรือสวนอุจจาระ เพราะอาจทำให้ไส้ติ่งอักเสบนั้นแตกเร็วขึ้น