“เท้า” อวัยวะเล็กๆ ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตขณะที่เรายืน เดิน หรือวิ่ง น้ำหนักของร่างกายทั้งหมดจะถูกส่งมาที่เท้าทั้งสองข้างเท้าจึงเป็นอวัยวะที่ทำงานหนัก และเสี่ยงต่อการเกิดอาการผิดปกติได้หากไม่ดูแล โดยโรคที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีภาวะเท้าชื้นแฉะมีสองโรค คือ “โรคเชื้อราที่เท้า” และ “โรคเท้าเหม็น”
1. “โรคเชื้อราที่เท้าเหม็น
หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในชื่อ “น้ำกัดเท้า” หรือ “ฮ่องกงฟุต”เกิดจาการเจริญเติบโตของเชื้อราในเท้าเราที่มีอุณหภูมิอุ่นหรืออับชื้น การไปเดินเท้าเปล่าในบริเวณที่มีเชื้อราจนทำให้เกิดการหมักหมม ไม่รักษาความสะอาดให้เพียงพอ หรือใส่รองเท้าที่อับชื้น ไม่มีการระบายอากาศ ซึ่งจะเกิดบ่อยในกลุ่มคนที่ออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬา และมักพบบ่อยกว่าในผู้ชาย โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น
ผู้เป็นโรคเชื้อราที่เท้าในระยะแรกนั้นจะรู้สึกคันบริเวณเท้าและมีอาการมากขึ้นเมื่อเชื้อราแพร่กระจาย ผิวหนังแห้งลอกเป็นขุย ตกสะเก็ด มีแผลพุพองโดยโรคมักเริ่มเกิดที่ซอกนิ้วเท้าก่อนบางรายมีตุ่มน้ำ
> ป้องกัน “โรคเชื้อราที่เท้า” <
- หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าในพื้นที่เปียกหรือมีน้ำขัง
- ล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่ และเช็ดให้แห้งเป็นประจำ ลดการหมักหมม
- หมั่นนำรองเท้ามาผึ่งแดดหรือซัก
- ทำความสะอาดถุงเท้าอยู่เสมอ
- ไม่ใช้รองเท้าร่วมกับผู้อื่นเพื่อลดการติดและแพร่กระจายของโรค
2.“โรคเท้าเหม็น”
เป็นปัญหากวนใจที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งสาเหตุนั้นเกิดจากแบคทีเรียที่อยู่ในเท้านั้นไปทำปฏิกิริยากับเหงื่อจนทำให้เกิดการหมักหมม ไม่ว่าจะมาจากรองเท้าที่ไม่มีการระบายทำให้อับชื้น มักเกิดกับเพศชายมากกว่าเพศหญิง และพบได้บ่อยในผู้ที่สวมใส่รองเท้าหุ้มส้นเป็นเวลานาน เนื่องจากทำให้มี เหงื่อออกที่เท้ามาก เท้าอับชื้น ส่งผลให้ผิวหนังชั้นนอกสุดของฝ่าเท้า เปื่อยยุ่ย และมีค่าความเป็นด่างสูง
ผู้เป็นโรคเท้าเหม็นส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีอาการคัน เพียงแต่มีการลอกของผิวหนังบริเวณเท้าที่ชื้นแฉะ ทำให้เท้ามีกลิ่นเหม็นอับ และโรคเริ่มเกิดที่ฝ่าเท้าก่อน
> ป้องกัน “โรคเท้าเหม็น” <
- ทำได้โดยรักษาความสะอาดบริเวณเท้าอยู่เสมอ
- หลีกเลี่ยงภาวะที่ทำให้เกิดการอับชื้นที่เท้า
- หมั่นทำความสะอาดรองเท้าด้วยการซักหรือผึ่งแดด
- ไม่ใส่รองเท้าที่คับเกินไป เพราะทำให้อับและเหงื่อจะออกมาก
- เลือกใช้รองเท้าที่มีการระบายอากาศได้ดี อากาศสามารถถ่ายเทสะดวกและไม่ใช้รองเท้าร่วมกับผู้อื่น
หากเกิดความผิดปกติเกี่ยวเท้า ย่อมส่งผลต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวันนั้น อาจสร้างความลำบากหรือหงุดหงิดรำคาญใจ ฉะนั้นเมื่อมีอาการดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษานะคะ