วัยทำงานอั้นฉี่ ขี้เกียจลุกไปห้องน้ำ เสี่ยง! “กระเพาะปัสสาวะอักเสบ”

0

“โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ”

สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น อีโคไล เชื้อโรคเหล่านี้จะมีอยู่มากบริเวณรอบๆ ทวารหนัก สามารถปนเปื้อนผ่านเข้าท่อปัสสาวะและเข้ามาในกระเพาะปัสสาวะได้

นอกจากเพศหญิงที่มีความเสี่ยงสูงแล้ว วัยทำงานก็ถือเป็นอีกกลุ่มเสี่ยงที่สำคัญ!

%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%89%e0%b8%b5%e0%b9%88-%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99

นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นกว่า และอยู่ใกล้ทวารหนัก เชื้อโรคจึงเข้าทางท่อปัสสาวะของผู้หญิงได้ง่ายกว่า ส่วนช่วงอายุที่พบโรคนี้ได้มาก อยู่ระหว่างอายุ 20 ปีขึ้นไป

ปัจจัยสำคัญที่พบได้บ่อยครั้งของการเกิดโรคนี้ เนื่องจากการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน ที่ต้องทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ จึงทำให้เกิดนิสัยในการกลั้นปัสสาวะ ส่งผลให้ปัสสาวะแช่ค้างในกระเพาะปัสสาวะ เชื้อโรคที่มีอยู่จึงเจริญเติบโตได้ดี

อาการเป็นยังบ้างนะ?

  • มีอาการถ่ายปัสสาวะกะปริดกระปรอย
  • รู้สึกปวดขัดหรือแสบร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะโดยเฉพาะตอนถ่ายปัสสาวะสุด
  • บางรายอาจจะมีเลือดปนในปัสสาวะ
  • ปวดบริเวณเอว ท้องน้อย มักต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ชั่วโมงละหลายครั้ง
  • มีอาการคล้ายถ่ายปัสสาวะไม่สุดอยู่ตลอดเวลา

ด้าน นพ.มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี ระบุว่า

ส่วนมากโรคนี้มักไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้อโรคอาจลุกลามไปที่ไตทำให้กรวยไตอักเสบ และถ้าปล่อยให้เป็นเรื้อรังอาจทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรังแทรกซ้อนได้ ผู้ที่มีอาการหรือสงสัยว่าตนเองเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต้องรีบมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

การรักษาทีทำได้

แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ หรือยารักษาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดชนิดคลายการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ และผู้ป่วยควรดื่มน้ำให้มาก อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อขับเชื้อออกทางปัสสาวะ ซึ่งโดยทั่วไปอาการจะดีขึ้นภายใน 5-7 วัน หลังรับยาแล้ว ในกรณีผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการที่ยังไม่ดีขึ้นหลังจากได้รับการรักษาในครั้งแรก ควรรีบพบแพทย์โดยทันที เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด ไม่ควรรอดูอาการด้วยตนเองหรือซื้อยารับประทานเอง

ทั้งนี้ ผู้ที่เคยเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบและรักษาหายแล้ว ควรดูแลตนเองโดยการดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ ถ่ายปัสสาวะทุกครั้งที่รู้สึกปวด ไม่กลั้นปัสสาวะ และรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน เพื่อลดการติดเชื้อโรค

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *