ในอดีตโรคเรื้อน เป็นโรคที่ได้รับความรังเกียจจากสังคมอย่างมาก ทำให้ผู้ป่วยในสมัยก่อนไม่สามารถประกอบอาชีพหรืออาศัยอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้ ปัจจุบันแม้ว่าอัตราการเกิดโรคดังกล่าวจะลดลง
แต่ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับโรคเรื้อนก็ยังมีอยู่มาก เช่น โรคนี้สามารถติดต่อได้ง่าย หรือเป็นแล้วรักษาไม่หาย!
ข้อมูลจาก นพ.สมบัติ แทนประเสริฐสุข ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค ระบุว่า
สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ การตีตราต่อผู้ประสบปัญหาจากโรคเรื้อน และความรู้ที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคเรื้อน ซึ่งความจริงแล้วโรคเรื้อน เป็นโรคที่รักษาหาย การกินยาเพียงครั้งแรก สามารถฆ่าเชื้อโรคเรื้อนได้ 99% และติดต่อได้ยาก เนื่องจากมีโอกาสติดเชื้อเพียงร้อยละ 3 และคนที่มีภูมิต้านทานต่อโรคเรื้อนผิดปกติเท่านั้นที่จะเป็นได้
ด้าน นพ.อาจินต์ ชลพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชประชาสมาสัย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคเรื้อนสรุปความได้ว่า ถึงแม้ปัญหาเรื่องความชุกของโรคเรื้อนลดลง สัดส่วนผู้ป่วยใหม่ที่มีความพิการยังไม่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่างร้อยละ 10-17 และจากรายงานผู้ป่วยค้นพบใหม่ปี 2559 พบว่า…
ระยะเวลาตั้งแต่ผู้ป่วยเริ่มปรากฏอาการจนถึงเวลาเข้ารับการตรวจรักษามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2 ปี 1 เดือน ซึ่งเป็นเวลาที่นานเกินกว่าค่าความคาดหวังที่ต้องการให้ผู้ป่วยมารับการรักษา โดยทางทฤษฎีถือว่าระยะเวลาที่นานเกิน 1 ปี ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดความพิการ ซึ่งเมื่อพิการก็จะนำไปสู่การถูกตีตรา ส่งผลต่อเนื่องทางด้านจิตใจ สังคม เศรษฐกิจ ทำให้คุณภาพชีวิตลดน้อยถอยลง
จากผลการวิจัยการตีตราในผู้ป่วยโรคเรื้อน ปี 2554 ที่จังหวัดชัยภูมิ พบว่าผู้ประสบปัญหาจากโรคเรื้อน ถูกตีตราจากคนในชุมชนเกินร้อยละ 80 สาเหตุมาจากประชาชนขาดองค์ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคเรื้อน อีกทั้งยังมีความเชื่อผิดๆ ต่อการเกิดโรคเรื้อน นำไปสู่การรังเกียจและเลือกปฏิบัติต่อผู้ประสบปัญหาโรคเรื้อนรวมถึงครอบครัวของเขาด้วย
ดังนั้น หากสงสัยว่าตนเองเป็นโรคเรื้อน หรือสังเกตเห็นผิวหนังเป็นวงด่าง ชา ผื่น หรือตุ่มแดง ไม่คัน ใช้ยากิน ยาทานานเกิน 3 เดือนแล้วยังไม่หาย ให้รีบมาพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย ยิ่งเริ่มการรักษาได้เร็วเท่าไหร่ ความเสี่ยงในเรื่องของความพิการก็ยิ่งลดน้อยลง ส่งผลให้การตีตราลดตามไปด้วย ถ้าคนในสังคมมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ว่า โรคเรื้อนเป็นโรคที่ติดต่อได้ยาก ถ้าเป็นก็รักษาให้หายได้
ที่สำคัญ การให้กำลังใจ ให้โอกาส จะทำให้ผู้ประสบปัญหาจากโรคเรื้อนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข ต่อไปค่ะ