หนังตากระตุกลางบอกเหตุหรือ… ป่วยกันแน่?

0

เมื่อมีอาการหนังตากระตุก คำโบราณที่ว่า”ตาเขม่นขวาร้ายซ้ายดี”คงแว่บเข้ามาในหัวของใครหลายๆ คนด้วยเป็นความเชื่อที่ได้ยินต่อๆ กันมายาวนาน ถ้านานที่กระตุกก็เป็นเรื่องที่ปล่อยผ่านได้ แต่ถ้ามีอาการนี้บ่อยๆ อย่ามัวแต่คิดว่าเป็นเรื่องของโชคลาง เพราะคุณอาจเป็นผู้ป่วยโรคตาหรือโรคทางสมองได้ค่ะ

“หนังตากระตุก”

หรือ “ตาเขม่น” (Blepharospasm) เป็นภาวะที่มีการกระตุกของกล้ามเนื้อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว เช่น ใต้หนังตา มุมปาก หรือเฉพาะกล้ามเนื้อรอบลูกตาข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น โดยมีอากากระตุกเป็นพักๆโดยเราควบคุมไม่ได้ แต่จะหายไปเองภายในเวลาเป็นนาที ชั่วโมง หรือวัน มักไม่เกิน 7 วัน อาจเกิดกับตาเพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้างอาการเริ่มต้นมักกระตุกที่หนังตามาก่อน หลังจากนั้นก็กระจายไปครึ่งใบหน้า สร้างความรำคาญแก่ผู้ป่วยอย่างมากโดยในรายที่เป็นหนักกล้ามเนื้อรอบตาจะเกร็งจนตาปิดไปรบกวนการมองเห็น เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างราบรื่น

“หนังตากระตุก” เป็นอาการที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด เชื่อว่าอาจเกิดจากการทำงานผิดปกติของสมองเป็นครั้งคราว หรืออาจเกิดจากโรคของตาได้เช่น หนังตาติดเชื้อ (ตากุ้งยิง) ตาแดง (ตาแดงจากเชื้อไวรัส) และภาวะตาแห้ง

นอกจากนี้อาจมีสาเหตุโรคทางสมองเช่น โรคพาร์กินสันหรือโรคทางพันธุกรรมบางชนิดภาวะนี้ในบางรายอาจเกิดเป็นประจำจนอาจติดเป็นนิสัยได้ มักจะมีอาการกระตุกมากเวลาเครียดหรือกังวลใจ รวมทั้งการพักผ่อนไม่เพียงพอก็อาจก่อให้เกิดอาการตาเขม่นได้บ่อยๆ

%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%99

โดยทั่วไปอาการหนังตากระตุกสามารถหายได้เอง ไม่จำเป็นต้องมีการรักษา แต่ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ หากมีอาการดังนี้

  1. เมื่อหนังตากระตุกจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือต่อการเห็นภาพ
  2. หนังตากระตุกต่อเนื่องนานเกิน 7 วัน
  3. มีอาการผิดปกติทางตาร่วมด้วยเช่น ตาบวมแดง มีขี้ตา ตาพร่ามัว
  4. มีการกระตุก อ่อนแรง ชา หรือเจ็บปวดของกล้ามเนื้อใบหน้า หรือกล้ามเนื้อมัดอื่นๆของร่างกายร่วมด้วย

นอกจากนี้ยังพบว่ามีปัจจัยบางอย่างที่กระตุ้นให้เกิดภาวะตากระตุกได้ เช่น ความเครียด การอดนอน คาเฟอีน แอลกอฮอล์ จึงควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *