ตาบอดกลางคืน (Night blindness)
อาการที่มองเห็นไม่ชัดในที่แสงสลัวหรือในเวลากลางคืน การปรับสายตาให้มองเห็นภาพให้เห็นชัดจะทำได้ช้ากว่าคนปกติ พบได้ในโรคของจอตาหลาย ตาบอดกลางคืนไม่ได้หมายถึงตาบอดอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากจะมองเห็นในเวลากลางวันได้อย่างเป็นปกติ
ในคนปกติภายในจอตาจะมีเซลล์รับรู้การเห็น (Photoreceptor cells) 2 ชนิด คือ Rod (เซลล์รูปแท่ง) และ Cone (เซลล์รูปโคน)โดย Rod จะกระจายอยู่บริเวณขอบๆ ของจอตาเป็นส่วนใหญ่ ทำหน้าที่ในการมองเห็นในที่แสงสลัว หากมีความผิดปกติของจอตาบริเวณขอบๆ โดยมีการทำลายหรือสูญเสียหน้าที่ หรือมีการตายของ Rod จะทำให้ผู้นั้นตามัวลงเวลากลางคืนหรือยามที่มีแสงสลัว เรียกว่า “ตาบอดกลางคืน”
“ตาบอดกลางคืน” พบได้มากในเพศหญิง และสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ฉะนั้นหากเรามีพ่อแม่พี่น้องหรือญาติที่เคยเป็นโรคนี้ เราก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตามผู้ป่วยบางรายที่เป็นโรคนี้ มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้สายตาในทางที่ผิด ทำให้จอประสาทตาเสื่อมลง ส่วนอีกหนึ่งสาเหตุที่สำคัญของอาการตาบอดกลางคืน ก็คือการขาดวิตามินเอ โดยวิตามินเอนั้นเป็นตัวสร้างส่วนของรงควัตถุสีม่วง ชื่อว่า โรด็อบซิน (Rodopsin) ซึ่งมีความไวต่อแสงในตา หากมีวิตามินเอ ไม่เพียงพอแล้วก็จะมีการสร้างโรด็อบซินน้อยลง และทำให้ตาตอบสนองต่อที่ที่มีแสงสว่างน้อย หรือแสงจ้าได้ไม่ดี นอกจากนี้โรคทางกายที่เกี่ยวกับตับก็จะทำให้การดูดซึมวิตามินเอไม่ดี ทำให้ร่างกายขาดวิตามินเอได้ ทั้งๆ ที่บริโภคอาหารที่มีวิตามินเอเพียงพอ
“ตาบอดกลางคืน” ที่เกิดจากบางสาเหตุสามารถป้องกันได้ เช่น การขาดวิตามินเอ ป้องกันได้โดยการกินอาหารมีประโยชน์ 5 หมู่ให้ครบถ้วนทุกมื้ออาหารในปริมาณที่เหมาะสมและมีความหลากหลาย โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินเอสูง เช่น ผักบุ้ง ใบตำลึง ฟักทอง บรอกโคลี มะละกอสุก มะม่วงสุก แคนตาลูป นม ไข่ ตับ เป็นต้น
แต่หากเกิดจากบางสาเหตุ เช่น จากกรรมพันธุ์ เราไม่สามารถป้องกันอาการตาบอดกลางคืนได้ แต่การพบจักษุแพทย์แต่เนิ่นๆ ก็อาจพบมีวิธีรักษาที่ช่วยชะลอการเสื่อมของจอตาให้ช้าลงได้