ในยุคของโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค เราทุกคนติดโทรศัพท์ยิ่งกว่าสิ่งใด ในแต่ละวันเราใช้มือสไลด์โทรศัพท์ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ซึ่งถ้ามองให้ดีๆ คุณได้ทำความสะอาดมือตลอดเวลาหรือเปล่า สิ่งที่เราหลายคนคาดไม่ถึงก็คือ เชื้อโรคแบคทีเรียต่างๆ เข้าไปฝังตัวอยู่บนหน้าจอเรียบร้อยแล้ว และเมื่อเรานำโทรศัพท์มาโทรก็ต้องมีการสัมผัสกับใบหน้าอย่างแน่นอน คราวนี้ล่ะส่งผลกระทบกับผิวของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย นอกจากนี้โทรศัพท์มือถือยังส่งผลอื่นๆ กับผิวอีกด้วย มีอะไรบ้างไปดูกัน

สิวผุด

เมื่อโทรศัพท์สัมผัสกับผิวหน้าแน่นอนว่าเชื้อโรคก็ปักหลักลงไปเช่นกัน และนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว แล้วยิ่งถ้าคุยไปนานๆ แล้วเหงื่อออก หรือแม้แต่น้ำมันอุดตันในรูขุมขน ทำให้เชื้อโรคเข้าไปได้ง่าย ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือแรงกดของโทรศัพท์มือถือบนผิวอาจทำให้เกิดสิวฝ้าบนใบหน้าได้

แพนด้ามาเอง

การจ้องโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ ในตอนกลางคืนจะทำให้ดวงตามีอาการ ตึงเครียด แสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตจะทำให้จังหวะในการนอนหลับภายในของคุณเสียไป ซึ่งหมายความว่าคุณจะหลับยากขึ้นและใช้เวลานอนหลับในช่วง REM น้อยลง และนั่นแหละเมื่อเราพักผ่อนไม่พอแพนด้าก็ตามมา

ผิวแพ้ได้

นิกเกิลและโครเมียมในปลอกโทรศัพท์มือถืออาจทำให้เกิดปฏิกิริยาบนผิวหนังที่เรียกว่าโรคผื่นแพ้สัมผัสได้ น่ากลัวใช่ไหมล่ะ

ริ้วรอยแจ้งเกิด

ทั้งริ้วรอยและตีนกาที่เกิดจากการหรี่ตาเวลาเล่นมือถือ นอกจากนี้ยังอาจทำให้คุณกลายเป็นโรคไหล่ห่อคอตก (Tech Neck) ที่บรรดาขาแชทต้องระวังเนื่องจากการก้มมองหน้าจอมากเกินไป อาการมากันแล้วหรือยัง

จุดด่างดำก็มา

ความร้อนที่สูงเกินไปจากโทรศัพท์มือถืออาจก่อให้เกิดปัญหาผิวที่สำคัญ ความร้อนเหล่านี้จะไปรบกวนการผลิตเมลานินซึ่งก่อให้เกิดจุดด่างดำและสีผิว คล้ำลง ดังนั้นคุณอาจต้องจำกัดการใช้งานโดยหลีกเลี่ยงการสนทนาที่ยาวนานบนโทรศัพท์มือถือ ห่างๆ โทรศัพท์บ้างก็ดีนะ